Nounคำนาม
คำที่ใช้เรียกสรรพสิ่ง
Noun หรือ คำนาม คือ คำที่มนุษย์ใช้เรียกชื่อสรรพสิ่ง
ทั้งที่เป็นคน สัตว์ พืชผัก สิ่งของ
ตลอดทั้งความรู้สึกนึกคิดที่จับต้องไม่ได้มองไม่เห็น คำนามมีจำนวนมากมายหลายหลาก เรามาลองจินตนาการกันดูซิว่าคำนามน่าจะเกิดและเพิ่มปริมาณขึ้นมาอย่างมหาศาลด้วยวิธีไหน
สมมุติเหตุการณ์ตอนที่โลกยังไร้ซึ่งคำนาม...
สวรรค์สร้างมนุษย์ผู้หญิงขึ้นมาให้อยู่คู่กันกับมนุษย์ผู้ชาย
พร้อมด้วยคำถามมากมายที่อยู่ในใจของคนทั้งสอง
“ What is
this? ” ผู้หญิงถามด้วยความสงสัย
“ นี้คืออะไร? ”
“ Man. This is
a man. His
name is Adam ”
สวรรค์ตอบ
“ ผู้ชาย นี้คือผู้ชายคนหนึ่ง ชื่อของเขาคืออดัม ”
“ What is that? ”
ผู้ชายถามบ้าง
“ นั้นคืออะไร? ”
“ Woman. That is
a woman. Her
name is Aew ”
สวรรค์เฉลยข้อสงสัย
“ ผู้หญิง นั้นคือผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อของเธอคือแอ๋ว ”
“ Hi, nice to
meet you, Adam ” “ Hi, nice
to meet you,
Aew ”
“ สวัสดี ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ อดัม ” “ สวัสดี ยินดีที่ได้รู้จักครับ แอ๋ว ”
หญิงชายคู่แรกทักทายแสดงความยินดี
เพียงไม่กี่นาทีหลังจากที่คนสองคนบนโลกได้พบและรู้จักกัน
ก็เกิดคำนามขึ้นมาแล้วสี่คำ เห็นไหม?
man (ผู้ชาย) woman (ผู้หญิง) Adam (อดัม) Aew (แอ๋ว)
คำนามสองตัวแรกคือ man และ woman มีชื่อเรียกเท่ๆ ในแบบของนักวิชาการว่า สามานยนาม (Common Nouns) เพราะมันเป็น
คำนามที่เป็นชื่อเฉพาะ a man
ผู้ชายคนหนึ่ง a woman ผู้หญิงคนหนึ่ง คนไหนก็ได้
ลูกหลานของผู้ชายและผู้หญิงที่จะเกิดต่อมาภายหลังสามารถใช้คำว่า a man หรือ a
woman มาเรียกได้หมด
ขอให้เกิดมาเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็แล้วกัน ส่วน Adam และ Aew เป็นคำนามที่เป็น ชื่อเฉพาะ (Proper Nouns) เพราะเป็น ชื่อที่ตั้งขึ้นมาเพื่อใช้เรียกคนที่ชื่อนี้เป็นการเฉพาะ (และถ้าต่อมาสองคนนี้มีลูกหลานเหลนโหลน ชื่อที่ตั้งขึ้นมาเพื่อใช้เรียกคนเหล่านั้นก็จัดเป็นชื่อเฉพาะเช่นกัน
อย่างเช่น บัวตูม, บัวบาน, คำหยาด, Anthony, Isabel, บันดาล
รวมไปถึงชื่อสัตว์ของคนเหล่านี้ด้วย เช่น Dokrag, ดำ, ด่าง,
ปาน, ปอนปอน, หอนหอน เป็นอาทิ)
เนื่องจากสิ่งที่สวรรค์ใส่ไว้ในร่างกายมนุษย์มิใช่เพียงลมหายใจ สวรรค์ยังใส่สัญชาตญาณแห่งความอยากรู้อยากเห็นเข้าไปในจิตใจของคนทั้งสอง
คำนามคำอื่นๆ จึงทยอยกันเกิดขึ้นมาบนโลกแห่งภาษา
“ ขอถามหน่อย
นี้เรียกว่าอะไร? ”
ผู้ชายเอ่ย พลางชี้นิ้วไล่ไปบนเรือนร่างของผู้หญิง
head เฮ้ด หัว
ear เอีย หู
nose โน้ส จมูก
mouth เม้าธฺ ปาก
chin ชิน คาง
shoulder โช้ลเดอะ ไหล่
ผู้หญิงตอบฉะฉานด้วยคำนามที่คิดขึ้นมาใหม่ๆ
อย่างไม่เคอะเขิน
“ ขอฉันถามบ้าง นั้นเรียกว่าอะไร? ”
เธอสงสัยจึงถามผู้ชายกลับไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
lip ลิพ ริมฝีปาก
tongue ทั้ง ลิ้น
palate พาเล้ท เพดาน
jaw จอ กราม
gum กัม เหงือก
and แอ่นดฺ แล้วก็
Adam’s apple อดัมสฺ
แอ๊พเผิ่ล ลูกกระเดือก(ของอดัม)
ผู้ชายตอบกลับมาด้วยคำนามเช่นกัน
ไม่มีอาการลังเลหวั่นไหว
(ที่เรียกลูกกระเดือกว่า
แอปเปิ้ลของอดัม
ก็เพราะแอปเปิ้ลเป็นผลไม้ต้องห้ามที่สวรรค์สั่งห้ามไม่ให้อดัมกินเด็ดขาด แต่อดัมพลาดเพราะต้านทานกิเลสในใจของตนเองไม่ไหว
แอบหยิบแอปเปิ้ลใส่ปากเข้าไป แล้วแอปเปิ้ลก็ไปติดคาอยู่ตรงลำคอกลายเป็นลูกกระเดือกของผู้ชายทั้งโลกมาจนถึงยุคปัจจุบัน)
ความสงสัยใคร่รู้ของผู้ชายกับผู้หญิงคู่แรกบนโลกมิได้หยุดอยู่แค่ลูกกระเดือกของผู้ชาย
แต่ยังคงคืบคลานต่อไปอีกไม่หยุดยั้ง ต่อจาก Adam’s apple
ก็เกิดคำนามตามติดกันมาเป็นทิวแถว...
elbow เอ้ลโบ่ว ศอก
arm อาม แขน
hand แฮนดฺ มือ
knee นี เข่า
toe โท นิ้วเท้า
heel ฮีล ส้น
bottom hip back skull collarbone earlobe
[ บ๊อทเทิ่ม ฮิพ แบ็ค สกัล ค้อลเหลอะโบน เอียโล้บ ]
ก้น สะโพก หลัง กะโหลกศีรษะ กระดูกไหปลาร้า ติ่งหู
Belly button rib cheekbone and temple
[ เบ๊ลหลี่ บั้ทเทิ่น ริบ ชี้คโบน แอ่นดฺ เท้มเผิ่ล ]
สะดือ กระดูกซี่โครง โหนกแก้ม และ ขมับ